แบบประเมิน

วันอังคารที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เครื่องมือต่าง ๆ ของ Photoshop

สรุปกลุ่มคำสั่งของ ของ Filter

Filter เป็นคุณสมบัติเด่นอย่างหนึ่งในการทำงานกับโปแกรม Photoshop โดยมันจะทำหน้าที่เป็นตัวปรับแต่งภาพให้มีลักษณะที่พิเศษออกไป ซึ่งใน Photoshop ก็มี Filter แบบต่าง ๆ ให้เราเลือกใช้งานมากมายนับร้อยชนิด สำหรับในบทนี้เราจะมาดูถึงการใช้งาน Filter กันค่ะ






ในโปรแกรม Photoshop นั้น จะมี Filter แบบต่างๆ มากมายหลายชนิดเตรียมเอาไว้ให้เราใช้งาน โดย Filter ทั้งหมดจะถูกจัดเก็บไว้ใน Menu Filter ซึ่งการจัดเก็บจะแบ่งกลุ่มของ Filter ออกเป็นหัวข้อย่อยๆ ให้้ลือกใช้งานตามต้องการ



เมื่อเราคลิกเลือกในหัวข้อใดๆ ก็ตามใน Memu Filter ( ในส่วนของ Filter ที่มีให้เราใช้งานนะค่ะ ) จะมีตัวเลือกย่อยแสดงขึ้นมาให้เราเลือก Filter ใช้งานค่ะ

1. Artistic Filter



Filter ในกลุ่มของ Artistic Filter จะทำหน้าที่ในการปรับเเปลี่ยนภาพในพื้นที่ทำงานให้กลายเป็นภาพในลักษณะของภาพเขียนทางศิลปะ



2. Blur Filter



Filter ในกลุ่มของ Blur Filter นั้นจะเป็นกลุ่ม Filter ที่ทำหน้าที่ในการปรับเปลี่ยนภาพในพื้นที่ทำงานให้เกิดความพร่ามัว



3. Brush Strokes Filter



Filter ในกลุ่มของ Brush Strokes Filter นั้น จะเป็นกลุ่ม Filter ที่ทำหน้าที่ในการปรับเปลี่ยนภาพในพื้นที่ทำงานให้กลายเป็นภาพในลักษณะของภาพที่เขียน หรือแต่งด้วยแปรงระบายสี



4. Distort Filter



Filter ในกลุ่มของ Distort Filter จะทำหน้าที่ในการบิดเบือนตำแหน่งของ Pixel ของภาพทำให้ภาพดูบิดเบี้ยว หรือการเปลี่ยนแปลงรูปทรง



5. Noise Filter



Filter ในกลุ่มของ Noise Filter จะทำหน้าที่ในการปรับเปลี่ยนภาพในเป็นจุดหรือเม็ด Noise แทรกขึ้นมาในภาพ



6. Pixelate Filter



Filter ในกลุ่มของ Pixelate Filter จะทำหน้าที่ในการปรับเปลี่ยนจุด Pixel ของภาพให้เป็นไปในลักษณะต่างๆ ทำให้ภาพในพื้นท่นั้นเกิดความเปลี่ยนแปลง



7. Render Filter



Filter ในกลุ่มของ Render Filter จะทำหน้าที่ในการประมวลผลภาพใหม่ เช่นการกำหนดแสงใหม่ให้กับภาพ



8. Sharpen Filter



Filter ในกลุ่มของ Sharpen Filter จะทำหน้าที่ในการปรับเปลี่ยนความคมชัดของภาพ



9. Sketch Filter



Filter ในกลุ่มของ Sketch Filtet จะทำหน้าที่ในการปรับเปลี่ยนภาพในพื้นที่ทำงานให้กลายเป็นภาพในลักษณะของภาพวาดหยาบๆ หรือภาพร่างหรือภาพที่วาดจากดินสอชนิดต่างๆ



10. Stylize Filter



Filter ในกลุ่มของ Stylize Filter จะทำหน้าที่ในการปรับเปลี่ยนภาพให้มีลักษณะโดยรวมของภาพแตกต่างกันออกไป



11. Texure Filter



Filter ในกลุ่มของ Texure Filter จำทำหน้าที่ในการปรับเปลี่ยนภาพในพื้นที่ทำงาน โดยจะทำการเพิ่มส่วนที่เป็นลวดลายพื้นผิวลงในภาพ

: จิตวิทยาเกี่ยวกับสี

สีนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งในการออกแบบเว็บไซต์ ในการทำงานกราฟฟิคต่างๆ การเลือกสีให้เข้ากับเนื้อหาของงาน จะทำให้งานที่ทำออกมามีความน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น และยังส่งผลอย่างมากกับความสวยงามของงานที่ออกมาด้วย




ความรู้สึกที่คนส่วนใหญ่มีต่อสีต่างๆ







สีฟ้า



ให้ความรู้สึกสงบ สุขุม สุภาพ หนักแน่น เคร่งขรึม เอาการเอางาน ละเอียด รอบคอบ สง่างาม มีศักดิ์ศรี สูงศักดิ์ เป็นระเบียบถ่อมตน

สามารถลดความตื่นเต้น และช่วยทำให้มีสมาธิ แต่ถ้ามีสีน้ำเงินเข้มเกินไป ก็จะทำให้รู้สึกซึมเศร้าได้



สีเขียว



เป็นสีในวรรณะเย็น จะสร้างความรู้สึกเย็นสบาย ใช้เป็นสีที่ช่วยผ่อนคลายความเครียดได้ ให้ความรู้สึก สงบ เงียบ ร่มรื่น ร่มเย็น การพักผ่อน การผ่อนคลาย ธรรมชาติ ความปลอดภัย ปกติ ความสุข ความสุขุม เยือกเย็น



สีเหลือง



เป็นสีแห่งความเบิกบาน เร้าอารมณ์ และเรียกร้องความสนใจ ให้ความรู้สึกแจ่มใส ความสดใส ความร่าเริง ความเบิกบานสดชื่น ชีวิตใหม่ ความสด ใหม่ ความสุกสว่าง การแผ่กระจาย อำนาจบารมี ให้ลองสังเกตดูว่า วันที่ท้องฟ้ามืดครื้มปราศจากแสงแดด เราจะรู้สึกหงอยเหงา หดหู่ แต่พอมีแสงแดด ท้องฟ้าสว่าง มีสีเหลือง เราจะรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้น





สีแดง



เป็นสีที่สร้างความตื่นเต้น และกระตุ้นสมอง สีแดงปานกลางแสดงถึงความมีสุขภาพดี ความมีชีวิต ความรัก ความสำคัญ ความอุดมสมบูรณ์ ความมั่งคั่ง สีแดงจัดมีความหมายแฝงด้านกามารมณ์ นอกจากนี้สีแดงยังสร้างความรู้สึกรุนแรง ให้ความรู้สึกร้อน กระตุ้น ท้าทาย เคลื่อนไหว ตื่นเต้น เร้าใจ มีพลัง มันจะใช้กันกรณีที่เกี่ยวกับความตื่นเต้น หรืออันตราย



สีม่วง



ให้ความรู้สึก มีเสน่ห์ น่าติดตาม เร้นลับ ซ่อนเร้น มีอำนาจ มีพลังแฝงอยู่ ความรัก ความเศร้า ความผิดหวัง ความสงบ ความสูงศักดิ์

เป็นสีที่ปลอบโยน และช่วยลดความเครียด แต่เดิมสีม่วงได้มาจากสัตว์มีกระดอง,เปลือก ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีชื่อว่า Purpura จึงได้ชื่อภาษาอังกฤษว่า Purple



สีส้ม



ให้ความรู้สึก ร้อน ความอบอุ่น ความสดใส มีชีวิตชีวา วัยรุ่น ความคึกคะนอง การปลดปล่อย ความเปรี้ยว การระวัง เป็นสีที่เร้าความรู้สึก ปรกติควรใช้แต่น้อยเมื่อเทียบกับสีอื่น สังเกตว่าคนที่อยู่ในห้องสีส้มจะอยู่ได้ไม่นาน



สีน้ำตาล



ให้ความรู้สึกอบอุ่น ได้พักผ่อน แต่ควรใช้ร่วมกับสีส้ม เหลือง หรือสีทอง เพราะถ้าใช้สีน้ำตาลเพียงสีเดียว อาจทำให้เกิดความรู้สึกหดหู่ได้



สีเทา



ให้ความรู้สึก เศร้า อาลัย ท้อแท้ ความลึกลับ ความหดหู่ ความชรา ความสงบ ความเงียบ สุภาพ สุขุม ถ่อมตน สีนี้มีข้อดีคือทำให้เย็น แต่สร้างความสร้างความรู้สึกหม่นหมองได้ ควรใช้ร่วมกับสีที่มีชีวิต โทนสว่างอย่างน้อยหนึ่งสี



สีขาว



ให้ความรู้สึก บริสุทธิ์ สะอาด สดใส เบาบาง อ่อนโยน เปิดเผย การเกิด ความรัก ความหวัง ความจริง ความเมตตา ความศรัทธา ความดีงาม ให้ความรู้สึกรื่นเริง โดยเฉพาะเมื่อใช้กับสีแดง เหลือง และส้ม





ความรู้เบื้องต้น : Raster / Vector และ Pixel


ภาพบนคอมพิวเตอร์ หรือกราฟิคคอมพิวเตอร์สามารถแบ่งออกได้เป็นสองประเภทคือ ภาพแบบบิตแมป (bitmap) และภาพแบบเวกเตอร์(vector) ความเข้าใจความแตกต่างของกราฟิค ทั้งสองประเภทจะช่วยให้คุณสามารถเลือกใช้งานได้อย่างยืดหยุ่น มีประสิทธิภาพ และตรงตาม จุดประสงค์สูงสุดในการใช้งาน



Vector Graphic

ภาพแบบเวกเตอร์จะต่างจากภาพแบบบิตแมป ซึ่งคุณจะได้พบกับภาพแบบนี้บนโปรแกรม สำหรับวาดภาพเช่น Adobe Illustrator,Macromedia Freehand ภาพแบบเวกเตอร์จะประกอบด้วย เส้นสาย ลวดลายต่าง ๆ ที่สร้างขึ้นจากการคำนวณทางคณิตศาสตร์ของลักษณะทางเรขาคณิตเพื่อ สร้างรูปทรงต่าง ๆ ที่คุณเห็น ซึ่งเรียกว่าเวกเตอร์ (vectors)



ข้อดีของภาพแบบเวกเตอร์ที่มีเหนือภาพแบบบิตแมป คือ คุณสามารถเคลื่อนย้าย ปรับขนาด เปลี่ยนสี รูปทรง โดยไม่สูญเสียคุณภาพของภาพ เพราะภาพแบบเวกเตอร์ เป็นภาพที่ไม่ขึ้นกับ ความละเอียด นั่นคือสามารถปรับขนาดและพิมพ์ที่ความละเอียดใด ๆ โดยไม่สูญเสียรายละเอียด และคุณภาพ ดังนั้นภาพแบบเวกเตอร์จึงเหมาะกับภาพลายเส้นต่าง ๆ เช่น ตัวอักษร โลโก้









 
Raster Graphic

โปรแกรมปรับแต่งภาพส่วนใหญ่ที่มีอยู่ในท้องตลาดทุกวันนี้ มักจะทำงานกับภาพแบบบิตแมป หรือที่เรียกกันว่าแบบราสเตอร์ (raster) ภาพแบบบิตแมปนี้จะใช้ กริดของตารางเล็ก ๆ ที่เรารู้จักกันดีในชื่อ “พิกเซล” (pixel) สำหรับแสดงภาพ แต่ละพิกเซลก็จะมีค่าของตำแหน่งและค่าสีของตัวเอง ด้วยเหตุที่พิกเซลมีขนาดเล็กเราจึงเห็นว่าภาพ มีความละเอียดสวยงามไม่มีลักษณะของกรอบสี่เหลี่ยมให้เห็น แต่ถ้าเราขยายขนาดของภาพ ก็จะเห็นกรอบเล็ก ๆ หรือพิกเซลที่ประกอบกันขึ้นมาเป็นภาพ ดังนั้นนเมื่องคุณทำงานกับภาพแบบมิตแมป จึงเป็นทำงานกับพิกเซลเล็ก ๆ ที่ประกอบกันขึ้นมาเป็นภาพ ไม่ใช่วัตถุหรือรูปทรงที่เห็น ภาพแบบบิตแมปเป็นภาพที่ขึ้นอยู่กับความละเอียด (resolution)

นั่นคือ มีจำนวนพิกเซลที่แน่นอนในการแสดงภาพ ดังนั้นจากตัวอย่างในภาพที่ 1 คุณจะเห็นว่าเมื่อภาพถูกขยาย หรือพิมพ์ด้วยความละเอียดไม่มากพอภาพจะสูญเสียรายละเอียด และปรากฏเป็นรอยหยักอย่างชัดเจนอย่างไรก็ตามภาพแบบบิตแมป ถือเป็นรูปแบบที่เหมาะกับภาพที่มีเฉดและสีสันจำนวนมาก เช่น ภาพถ่าย หรือภาพวาด




Pixel

พิกเซล (Pixel) เป็นการผสมผสานของคำว่า “Picture” และ “element” คือหน่วย พื้นฐานของภาพ ภาพบิตแมปทุก ๆ ภาพประกอบขึ้นด้วยพิกเซล แต่ละพิกเซลจะมีลักษณะ เป็นรูปสี่เหลี่ยมที่เก็บข้อมูลของสีโดยถูกกำหนตำแหน่งไว้บนเส้นกริดของแนวแกน x และ y ในลักษณะคล้ายแผนที่ (map) นั่นจึงเป็นที่มาของคำว่าบิตแมป (bitmap) เช่น พิกเซลของ ภาพ 8 บิต จะเก็บข้อมูลของสี 8 บิต ที่จอภาพจะใช้ในการแสดงผล ดังนั้นภาพภาพหนึ่งจึงประกอบด้วยพิกเซลเล็ก ๆ จำนวนมาก ซึ่งคุณสามารถมองเห็นได้เมื่อ ขยายภาพให้มีขนาดใหญ่ขึ้น จำนวนของพิกเซล


ที่แสดงต่อหน่วยของความยาวในภาพจะถูกเรียกว่าความละเอียด ของภาพ โดยปกติจะวัดเป็นพิกเซลต่อนิ้ว (ppi : pixel per inch) ภาพที่มีความละเอียดสูงจะประกอบไปด้วยพิกเซลจำนวนมากที่มีขนาดเล็กกว่าภาพเดียวกันที่มีความละเอียดน้อยกว่า ตัวอย่าง เช่น ภาพขนาด 1 x 1 นิ้ว ที่ความละเอียด 72 ppi จะประกอบด้วยพิกเซล 5,184 พิกเซล (ความกว้าง 72 พิกเซล x ความยาว 72 พิกเซล = 5,184) และภาพเดียวกันที่ความละเอียด 300 ppi จะประกอบด้วยพิกเซล 90,000 พิกเซลที่มีขนาดของพิกเซลเล็กกว่า (300 x 300 = 90,000) แน่นอน ว่าภาพที่มีความละเอียดมากกว่าก็จะใช้พื้นที่ในการจัดเก็บมากกว่า



บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้น : รู้จักกับโปรแกรม Photoshop


โปรแกรม Photoshop เป็นโปรแกรมในตระกูล Adobe ที่ใช้สำหรับตกแต่งภาพถ่ายและภาพกราฟฟิก ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นงานด้านสิ่งพิมพ์ นิตยสาร และงานด้านมัลติมีเดีย อีกทั้งยังสามารถ retouching ตกแต่งภาพและการสร้างภาพ ซึ่งกำลังเป็นที่มนิยมสูงมากในขณะนี้ เราสามารถใช้โปรแกรม Photoshop ในการตกแต่งภาพ การใส่ Effect ต่าง ๆให้กับภาพ และตัวหนังสือ การทำภาพขาวดำ การทำภาพถ่ายเป็นภาพเขียน การนำภาพมารวมกัน การ Retouch ตกแต่งภาพต่าง



Tip & Trick : มีความรู้เล็กๆ น้อยๆ มาฝากกันค่ะ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการกำเนิดของโปรแกรม Photoshopค่ะ จุดกำเนิดของโปรแกรม Photoshop หลายคนคงคิดว่า Photoshop เกิดมาจากทีมโปรแกรมเมอร์ของ Adobe แต่จริงๆ มันถูกสร้างโดยสองพี่น้องนักศิกษาปริญญาเอก กับพนักงานของ ILM ต่างหาก



พี่น้องคู่นี้คือ Thomas Knoll นักศึกษาปริญญาเอกที่ University of Michigan ในขณะนั้น เขาทำโปรแกรมแสดงผลกราฟิกบน Mac Plus โดยใช้ชื่อว่า Display เมื่อน้องชายของเขาคือ John ซึ่งเป็นนักถ่ายภาพสมัครเล่น และทำงานที่ ILM มาเห็นโปรแกรมเข้า ก็บอกว่ามันเหมือนกับโปรแกรม Pixar Image Computers (สมัยที่ Pixar ยังอยู่กับ LucasFilm และยังไม่ทำหนัง) ทั้งสองคนจึงมองเห็นโอกาสธุรกิจ





วันพุธที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2553

ใบความรู้ PhotoShop เทคนิคการทำพื้นหลังแบบลำแสงพระอาทิตย์

1. สร้างเอกสารใหม่ขนาด 400 x 400 pixels




2. set background colorเป็นสีดำ และ foreground color เป็นสีขาว




3. เทสีพื้นหลังให้เป็นสีขาว
4. ไปที่เมนู Filter > Sketch > Halftone Pattern แล้วปรับตาม รูป





5. จะได้ รูปดังนี้





6. ไปที่เมนู Edit > Transform เลือก Rotate 90° CW ให้เส้นหมุนตั้งขึ้นตาม รูป







7. ไปที่เมนู Distort > Polar Coordinates เลือก Rectangular to Polar



8. จะได้ รูปดังนี้ เพื่อนำไปพัฒนาและปรับสีตามใจชอบ



9. การปรับสี ให้สร้างเลเยอร์ขึ้นมาใหม่ และใส่ค่าสีที่เราต้องการ และปรับ Blending Mode ชิ้นงานพื้นหลังของเราให้ เป็น Soft Lightจะได้ดังรูป






อ้างอิงจาก www.webthaidd.com

ใบความรู้ PhotoShop เทคนิคการสร้างหนังสือแบบ 3D ใน Photoshop

1. สร้าง file ใหม่ขึ้นมา โดยให้พื้นหลังเป็นสีขาว แล้วทำการ new layer ค่ะ จากนั้นให้เลือก Rectangular Marquee Tool แล้วทำการวาดรูปสีเหลี่ยมแล้วเทสีตามที่ต้องการ
2. ทำการตกแต่งหน้าปกหนังสือตามต้องการ

3. จากนั้นไปที่ Edit ---> Transform ---> Perspective แล้วเอาเม้าส์ไปกดที่ขอบข้างขวา แล้วเลื่อนเม้าส์ขึ้น


4. ทำขอบหนังสือโดยใช้  Rectangular Marquee Tool แล้วเทสี จะได้ตามด้านล่าง
5. จากนั้นเลือก Polygonal Lasso Tool แล้วทำการวาดรูปสามเหลี่ยม แล้วเทสีดำ


เพื่อให้ได้ภาพแบบด้านล่าง
6. สร้างรูปสามเหลี่ยมสีขาวตามรูปด้านล่าง เพื่อทำเป็นกระดาษด้านในของหนังสือ
7. จากนั้นทำรูปสีขาวซ้อนไปเรื่อยๆค่ะ จะได้ตามรูปด้านล่าง


อ้างอิงจาก www.webthaidd.com

วันศุกร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ใบความรู้ PhotoShop เทคนิคการสร้าง Barcode

ขั้นตอนที่1.


เริ่มจากสร้างไฟล์ใหม่ขนาดใดก็ได้ตามที่เราต้อการโดยมาที่คำสั่ง File --> New

ขั้นตอนที่2.

สร้าง Layer ใหม่โดยคลิ๊กไอค่อนรูปกระดาษตรง Layer จากนั้นใช้อุปกรณ์ Marquee tool ที่มีลักษณะเส้นเดี่ยว

(Single row marquee tool) แล้วทำการคลิ๊กที่พื้นที่การทำงาน ก็จะได้เส้นประเดี่ยวดังภาพ



ขั้นตอนที่3.

จากนั้นให้ทำการเลือกสี Foreground color เป็นที่เราต้องการ จากตัวอย่างจะใช้สีดำ

จากนั้นมาที่คำสั่ง Edit --> Fill ,Use = Foreground Color



ขั้นตอนที่4.

ยังไม่ต้องทำการยกเลิกเส้น Selection นะขอรับ แล้วให้มาที่คำสั่ง Fileter --> Noise --> Add Noise แล้วปรับค่าต่างๆ ดังภาพ. แล้วก็ OK



ขั้นตอนที่5.

ให้ทำการยกเลิกเส้น Selection โดยมาที่คำสั่ง Select --> Deselect จากนั้นให้ทำการยืดขึ้นโดยใช้คำสั่ง Edit --> Free transform ( Ctrl + T ) แล้วให้ยืดดังตัวอย่าง Barcode
ขั้นตอนที่6.

จากนั้นให้ Marquee tool สร้างเส้นสี่เหลี่ยมผืนผ้าจากนั้นให้ Fill สีขาวลงไป (Edit

--> fill ,use = White) แล้วทำการพิมพ์ Text ตัวเลขลงไปโดยใช้อุปกณณ์ Type tool
อ้างอิงจาก www.webthaidd.com

ใบความรู้ PhotoShop เทคนิคการทำกระดาษปลิว

1. Ctrl + N เพื่อเปิด เอกสารใหม่ขึ้นมาเลือก Contents เป็น White


2. นำภาพที่ต้องการใช้งานมาวางไว้


3. เปิด Layerใหม่ ขึ้นมาด้านล่างรูปที่ต้องการใช้ลงสีขาวใน Layer นี้


4. ใน Layer นี้ใช้ Reatangular Marquee Tool ลากทำ Selaction ด้านนอกของรูปภาพจากนั้นกด Ctrl + Alt +I เพื่อ Inverse จุด Selaction ให้อยู่รอบนอก แล้วกด Delete
  

ผลของ Ctrl + Alt +I



5. กลับขึ้นไปที่ Layer ที่เป็นรูป กด Ctrl+E เพื่อ Merge Down (รวมภาพ) กับภาพสีขาวที่ทำไว้เมื่อกครู่



ผลของ Ctrl + E



6. ดับเบิ้ลคลิก ที่ Layer นี้เพื่อเปิด Layer style ขึ้นมาเลือก Drop Shadow ปรับแต่งเงาตามใจชอบเลยครับ




ปรับ Layer style



ผลของการใส่ Layer style

7. จากนั้นไปที่ Edit > Transform > Perspective ดึงช่วงล่างเล็กน้อย
ดึงจากมุมภาพเพียงเล็กน้อยพอนะครับ

8. จากนั้นไปที่ Edit > Transform > Rotate 90 CW


ผลของ Edit > Transform > Rotate 90 CW

9. จากนั้นไปที่ Filter > Distort > Shear และจากนั้นปรับความ โค้งงอ ของภาพตามต้องการ



ส่วนของ Shear



10. จากนั้นไปที่ Edit > Transform > Rotate 90 CW อีกครั้ง เพื่อให้ภาพกลับมาเป็นแนวนอนเหมือนเดิม


แค่นี้ก็เสร็จแล้วครับ
อ้างอิงจาก www.webthaidd.com